วันพุธที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

Tips เล็กๆ น้อยๆ เรื่องการเขียนนิยาย by เจ้าหญิงผู้เลอโฉม

ที่จะกล่าวต่อไปนี้ (ทางการมาก) คือเคล็ดลับและเทคนิคส่วนบุคคลของพี่เองคนเดียว อาจจะเหมือนหรือไม่เหมือนกับเทคนิคของนักเขียนท่านอื่นนะคะ อย่าเอาไปเปรียบเทียบกันหรือเอาไปเป็นมาตรฐานเด็ดขาดน้า แค่อยากมาแชร์ประสบการณ์นิดๆ หน่อยๆ ให้กับน้องๆ ในฐานะที่สองปีที่แล้ว (ปี 4) พี่เป็นกรรมการโครงการนักเขียนหน้าใส บวกกับปีนี้ (ปี 6) พี่เป็นพี่เลี้ยงนักเขียนที่จะคอยดูแลน้องๆ ที่เข้ารอบ 20 คนสุดท้าย แล้วเคยมีน้องๆ ถามคำถามเดียวกันเข้ามาเยอะๆ ก็เลยจะมาตอบทีเดียวเลยจ้ะ :) อาจจเป็นประโยชน์บ้างนิดหน่อยหรืออาจจะไม่ได้เลย ยังไงก็อย่าคาดหวังมากน้า~ 




***************************************




1. พลอตเรื่องคืออะไร
ANS: พลอตเรื่องคือเนื้อเรื่องโดยย่อ โดยรวมของนิยายเรื่องหนึ่ง โดยจะรวมทั้ง แบ็กกราวนด์ของเรื่อง บริบท สภาพแวดล้อม ปมหลักของเรื่อง ปมรองของเรื่อง ความขัดแย้งในเรื่อง การคลายปม และบทสรุปของเรื่อง (สำหรับพี่พลอตเรื่องกับเรื่องย่อไม่ต่างกันมากก็เลยเอามารวมกันเลย แต่สำหรับนักเขียนท่านอื่นมันอาจจะมีความแตกต่างอยู่นะคะ เพราะงั้นไม่ต้องงงถ้าคนอื่นบอกไม่เหมือนกัน) แต่พลอตจะยังไม่รวมพวกรายละเอียดปลีกย่อยหรือเหตุการณ์่ย่อยต่างๆ เช่น นางเอกไปกินกาแฟที่สตาบัคตอนแปดโมงแล้วเจอกับพระเอก บลาๆ อันนี้ยังไม่รวมนะจ๊ะ พลอตเรื่องจะเป็นการกำหนดธีมและเนื้อหาแบบกว้างๆ ของเรื่องเฉยๆ


EXAMPLE: พลอตเรื่อง Sexy Beast คือ พระเอกเป็นสมาชิกในวงบอยแบนด์ที่กำลังจะเดบิวต์ ส่วนนางเอกเป็นครูสอนเต้นของวง เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นที่ประเทศเกาหลี เน้นที่วงการบันเทิงเกาหลี ปมหลักของเรื่องคือนางเอกมีแฟนอยู่แล้วแต่กลับหวั่นไหวกับพระเอกเพราะความสัมพันธ์ของนางเอกกับแฟนไม่ค่อยราบรื่นนักเนื่องจากแฟนของนางเอกเป็นศิลปินดังที่เดบิวต์ก่อนหน้าพระเอกถึงสามปี กลายเป็นรักสามเศร้า ความขัดแย้งในเรื่องคือความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนระหว่างคนสามคน ส่วนการคลายปมกับบทสรุปบอกไม่ได้นะคะ สปอยล์ 5555 


*** หลักๆ เลยก็คือ >> จุดเริ่ม >> เปิดปม >> ความขัดแย้งในเรื่อง >> ไคลแมกซ์ >> การแก้ปม >> บทสรุป ***





***************************************





2. คาแรกเตอร์ตัวละคร
ANS:  เป็นองค์ประกอบที่สำคัญมากที่จะทำให้นิยายเรื่องนั้นๆ มีความโดดเด่นสะดุดตากว่าคนอื่นๆ ส่วนใหญ่พี่คิดคาแรกเตอร์ตัวละครออกมาก่อนถึงจะได้พลอตเรื่องค่ะ แต่อันนี้ก็แล้วแต่สไตล์ของแต่ละคนนะ :) 


ขอยกตัวอย่างเซ็ต BEAST ของวง Poison ที่มีสมาชิกหกคนด้วยกัน แต่ละคนมีคาแรกเตอร์ที่โดดเด่นตามสัตว์ป่าแต่ละชนิด ได้แก่ หมาป่า (ลีเฮซอง) เสือดาว (ยูซอง) กระต่ายป่า (ซอนมิน) นกอินทรี (จองฮวา) เสือดาว (ฮีวอน) และสิงโต (เซโฮ) 


แต่ละคนก็จะมีคาแรกเตอร์ที่ไม่เหมือนกัน หมาป่าก็จะเจ้าเล่ห์เจ้าชู้ เซ็กซี่ กระต่ายก็จะน่ารักแบ๊วๆ เป็นต้นค่ะ ^^ คาแรกเตอร์ของตัวละครจะรวมถึงอุปนิสัย บุคลิก การแต่งตัว ความชอบ งานอดิเรก ความเกลียด ความเป็นอยู่ของครอบครัว และอื่นๆ อีกมากมายแล้วแต่จะคิดออก อะไรก็ได้ที่ทำให้ตัวละครนั้นๆ แตกต่างขึ้นมา เหมือนกับที่คนเราแต่ละคนไม่เหมือนกันนั่นแหละจ้ะ


ตัวอย่างที่สอง เซ็ต THE CRIMINALS ค่ะ 
- มิคาอิล (MIKHAIL) เลื่อนลอย คาดเดาไม่ได้ทำตัวชิลตลอดเวลาจนดูเหมือนไร้ความรับผิดชอบแต่จริงๆ แล้วเป็นอัจฉริยะที่ฉลาดเป็นกรดและทักษะศิลปะการต่อสู้ก็ไม่ธรรมดา เป็นคนลึกลับเต็มไปด้วยปริศนาซ่อนอยู่ใต้รอยยิ้ม ชอบกินป๊อกกี้รสช็อกโกบานาน่า 
- ฮารุ คิม (Haru Kim) รักสัตว์มากดูเหมือนจะคุยกับสัตว์รู้เรื่องเลี้ยงสัตว์นานาชนิด มีแมวห้าตัวมีกระรอก หนูแฮมสเตอร์หนูแกสบ้ี กระรอกบิน ปลาทองและอื่นๆ อีกมามาย ดูเป็นคนหลายบุคลิกเดี๋ยวยิ้มเดี๋ยวเย็นชาเดี๋ยวร่าเริงเดี๋ยวดุคนทั่วไปจะอ่านไม่ออกว่าเขากำลังสวมบทบาทเล่นละครเป็นใครอยู่หรือว่าเป็นตัวเขาจริงๆนิสัยคล้ายแมว ชอบกัดเวลารักใครมากๆ จะมันเขี้ยวและชอบงับ




***************************************




3. โครงเรื่อง
ANS: โครงเรื่องสำหรับพี่ก็คือเหตุการณ์ทั้งหมดของเรื่องแบบ (เกือบ) ละเอียด ที่บอกว่าเกือบละเอียดเพราะมันอาจจะไม่ครอบคลุมดีเทลทั้งหมด หรืออาจจะมีเพิ่มเติมระหว่างเขียนก็ได้ บางทีอาจจะนึกออกตอนเขียนแล้วก็มาแก้ทีหลังอะไรงี้ แต่การเขียนโครงเรื่องเป็นการควบคุมเรื่องของเราไม่ให้ไหลออกนอกทะเล คือมีทิศทางไปที่แน่นอนแล้วก็ทำให้เรามองเห็นภาพอนาคตได้ว่ามันจะไปทางไหนต่อ จะจบที่ตรงไหน หรือถ้าจะแก้จะเปลี่ยนพลอต การมีโครงเรื่องเอาไว้ก็จะทำให้เรามองเห็นภาพรวมได้ง่ายขึ้น แก้ได้ง่ายขึ้นว่างั้น และยังทำให้เขียนจบเร็วขึ้นด้วยนะคะเพราะว่าเราร่างภาพทั้งหมดเอาไว้แล้ว ไม่ต้องเสียเวลานั่งคิดใหม่ทุกตอน (แต่บางทีพี่ก็ทำเหมือนกัน 5555)


สำหรับตัวพี่เองพี่จะใช้วิธีการแตกฉากออกเป็นตอนๆ ค่ะ ก็จะจดไว้ว่าฉากนี้มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง จะเชื่อมไปยังฉากต่อไปยังไง จบบทนี้คนอ่านจะต้องรู้อะไรบ้างเพื่อจะไปต่อในบทต่อไป อ้อ แล้วการทำโครงเรื่องไว้ก็จะทำให้เราเก็บปมได้ครบ ไม่หลุดรอดสายตาไปตอนหลังนะคะ ^^ เผื่อบางทีเขียนไปสักพักแล้วลืมว่าเปิดปมนี้ไว้ เราก็สามารถย้อนกลับไปดูได้ตลอดว่าเหลือปมไหนที่ยังไม่ได้เคลียร์บ้าง อะไรแบบนี้จ้ะ


แต่ก็มีบางเล่มที่พี่เขียนไปเลยโดยไม่ต้องใช้โครงเรื่อง เช่นเรื่อง Fake, Ex-Lovers, I Love Your Boyfriend จ้ะ :) (สังเกตว่าเรื่องพวกนี้จะยาวกว่าเล่มที่แตกฉากเอาไว้แล้วนะ 5555 ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน) ซึ่งก็แล้วแต่ทั้งพลอตเรื่องและแนวทางการดำเนินเรื่องของเราด้วยจ้ะ


*** ปกติพี่จะเรียกการเขียนโครงเรื่องว่า "การทำทรีตเม้นต์" จ้ะ ^^ ***




***************************************





4. สำนวนและการดำเนินเรื่อง
ANS: นี่เป็นส่วนสำคัญไม่แพ้พลอตเลย เพราะต่อให้พลอตดีแค่ไหนแต่ถ้าบรรยายไม่โอเคนักอ่านก็ย่อมไม่อยากอ่านเพราะมันไม่ชวนให้ติดตาม สำนวนเป็นลักษณะเฉพาะของแต่ละคนที่จะพัฒนาไปเรื่อยๆ ตามการฝึกฝนและความชอบของแต่ละคน ถ้าเขียนไปบ่อยๆ จนชินมือแล้วสำนวนจะเริ่มคงที่จนมีเอกลักษณ์มากพอจะทำให้คนอ่านจดจำได้ แบบเดียวกับที่นักวาดแต่ละคนมีลายเส้นเป็นของตัวเอง แบบนั้นเลยจ้ะ


การเขียนควรเน้นการใช้คำที่หลากหลาย ไม่ใช้คำซ้ำกัน ทั้งคำสันธาน แต่ ก็ คือ ถึงแม้ว่า เพราะฉะนั้น ดังนั้น ฯลฯ (อื่นๆ ลองหาในกูเกิลนะจ๊ะ ลิสมาไม่หมด) หรือคำเชื่อม ที่ ซึ่ง อัน ไรพวกนี้ พยายามระวังไม่ให้มันซ้ำกันมากไม่งั้นอ่านแล้วมันจะติดขัด การใช้คำอุปมาอุปมัยเปรียบเปรย อ่านหนังสือเยอะๆ จะช่วยให้เรามีไอเดียคำพวกนี้มากขึ้น เอามาปรับใช้ในนิยายของเราได้จ้ะ :)


ที่ต้องระวังคือถ้าอ่านนิยายของคนอื่นมาแล้วมาเขียน อาจจะทำให้เราติดสำนวนของนักเขียนคนนั้นๆ มาโดยไม่รู้ตัว อันนี้ไม่ดีเพราะจะทำให้งานของเราไปติดกลิ่นคนอื่นมา ระวังด้วยนะจ๊ะ ^^


การดำเนินเรื่องคือต้องดู continue ของเรื่องคือความต่อเนื่อง ความสมเหตุสมผล จังหวะจะต้องเหมาะสมไม่เร็วไปหรือช้าไป ไม่ยืดเรื่องตรงส่วนที่ไม่ควรยืด หรือส่วนที่ต้องเน้นเป็นพิเศษก็ไม่ควรจะยืดจนเกินพอดี นอกจากนี้ส่วนที่จำเป็นต้องเขียนให้เกิดฟีลลิ่งมากที่สุดเช่น เลิฟซีน (??) ดราม่า บทเศร้าซึ้ง อารมณ์โกรธ ฯลฯ อะไรที่ emotional มากๆ เราต้องเขียนให้คนอ่านเกิดอารมณ์ร่วมให้ได้ ถ้าตัดเร็วไปห้วนไปคนอ่านก็จะไม่อิน ถ้าเยอะไปก็จะรู้สึกว่ายืดเยื้อ อันนี้ไม่มีเกณฑ์ตายตัว ต้องอาศัยความชำนาญ เพราะฉะนั้นฝึกเขียนบ่อยๆ นะจ๊ะ ^^ อ่านเยอะๆ ก็ช่วยได้้เหมือนกันจ้ะ


การ เปิดปม คลายปม ต้องทำให้เนียน ยิ่งใครชอบเขียนเรื่องหักมุมซับซ้อนยิ่งต้องระวัง ต้องมีช่วงที่เปิดปม ช่วงที่ทิ้งปมปริศนาให้คิดตาม ช่วงที่หลอกลวง ช่วงที่ล่อลวงดึงให้คนต้องตามไปอ่านจนกว่าจะจบแบบวางไม่ได้ เป็นอะไรที่ยากมาก แต่ไม่ยากเกินความสามารถนะคะ แรกๆ อาจจะหักมุมเดียว แต่เขียนไปจนชำนาญอาจจะหักสักสามสี่มุม ซ้อนปมสักแปดปมก็ได้ไม่มีใครว่า แต่ต้องแน่ใจว่าเคลียร์ได้หมดและสมเหตุสมผลพอนะคะ ^O^


การบรรยายสามารถใช้ได้ทั้งบุรุษที่หนึ่ง (ฉัน / ผม) หรือบุรุษที่สามที่จะเป็นการบรรยายแบบภาพรวมทุกอย่าง ตามแต่สะดวก สามารถใช้ทั้งสองอย่างก็ได้ แล้วแต่เทคนิคการนำเสนอของแต่ละคน :) เลือกใช้แบบไหนก็ได้ไม่ผิดทั้งนั้นค่ะ


นอกจาก นี้ "คำผิด" ก็เป็นอีกอย่างที่ต้องระวังมากๆ นักเขียนมีหน้าที่เขียนให้ถูกหลักไวยากรณ์นะคะ เพราะฉะนั้นตรวจเช็คให้ดีๆ ด้วยน้าาาา แต่ถ้ามีผิดบ้างนิดหน่อยไม่เป็นเรื่องใหญ่โตมากมาย ไม่ต้องแตกตื่นนะจ๊ะ เพราะคำผิดมันยังให้อภัยได้เนื่องจากคนเรามันต้องมีพลาดกันบ้าง แต่ว่าถ้าผิดอย่างตั้งใจอันนี้ไม่โอเคนะคะ ตัวอย่างของการเขียนผิดอย่างตั้งใจก็คือภาษาวิบัติค่ะ ใครเขียนภาษาวิบัติมาตัดทิ้งทันทีเลยนะคะไม่ได้ขู่ พี่ไม่ชอบการเห็นภาษาไทยมันวิบัติลงค่ะ ภาษาเราสวยอยู่แล้ว ใช้ให้ถูกนะคะ ^^




***************************************




5. เขียนยังไงให้สนุก
ANS: คำถามนี้ถามเยอะมากแต่พี่ตอบไม่ได้จริงๆ เพราะพี่เองก็ตอบไม่ได้ว่านิยายของพี่สนุกหรือเปล่า แน่นอนว่าพี่เขียนเองพี่ต้องบอกว่าสนุก เพราะถ้าคนเขียนคิดว่าไม่สนุกแล้วคนอ่านจะสนุกได้ยังไง จริงป่าว? แต่...ทั้งนี้และทั้งนั้นเราก็ต้องเปิดใจรับฟังคอมเม้นจากผู้อ่านด้วย ถ้าเราอยากจะขยับไปสเต็ปต่อไป เขียนให้เป้นตัวของตัวเอง อย่าผันไปตามกระแสตลาดแบบต้นอ้อล้อลม หรือแข็งขืนมากไปจนโดนพายุพัดหักไป เราต้องมีความยืดหยุ่นแต่พอดี แล้วก็ต้องมีจุดยืนเป็นของตัวเองด้วยจ้ะ :) จะใช้พลอตคลิเช่แค่ไหนก็ได้ (คลิเช่ - cliche ธรรมดา เดิมๆ เดาได้ง่าย) แต่ต้องบรรยายให้น่าสนใจจนรู้สึกอยากจะอ่านต่อนะคะ ^^ เราต้องสนุกกับมัน อย่าไปกดดันว่าเราจะต้องเขียนเพื่อให้ได้พิมพ์นะ อันนี้ไม่โอเค เราต้องเขียนเพราะว่าเราอยากจะเขียนถึงจะสนุกที่สุด ^^


เรื่องพลอต พยายามคิดให้ฉีกแนว อย่าเขียนอะไรซ้ำเดิมเพราะคนอ่านย่อมอยากได้อะไรใหม่ๆ ไม่ว่าจะเขียนแนวอะไรก็ตาม ทั้งนิยายรัก นิยายสืบสวน นิยายผี นิยายฆาตกรรม นิยายตลก ฯลฯ ทุกอย่างต้องการความแปลกใหม่จะได้สดใสไม่จำเจ :) มันยากมากเพราะพี่เองก็เจอปัญหาอยู่ทุกวันว่าจะทำยังไงให้มันใหม่ที่สุด 555 อันนี้พี่คิดว่าน้องๆ นักเขียนหน้าใหม่ๆ น่าจะเก่งกว่าพี่อีกเพราะไอเดียจะสดกว่าป้าแก่ๆ อย่างพี่นะ งือออ


แนะนำอีกนิดสำหรับคนที่คิดจะส่งหน้าใส พยายามส่งอะไรแปลกใหม่ที่ทำให้พี่อึ้งมาจะดีมากเลย 555 ไม่ต้องถามหรอกว่าพี่ชอบอ่านแนวไหนเพราะว่าพี่อ่านได้ทุกแนว ขอแค่เป็นตัวของตัวเอง ไม่กดดัน ไม่ฝืนทำตามตลาด ไม่ฝืนเขียนตามกรรมการ เขียนเรื่องที่อยากเขียน แล้วก็ทำให้ดีที่สุด แค่นั้นก้พอแล้วจ้ะ :) ปีนี้ไม่ได้ปีหน้าก็เอาใหม่ มันไม่เคยสายเกินไปสำหรับคนที่รักที่จะเขียนจริงๆ นะจ๊ะ ฝึกไปไม่ต้องรีบร้อน ไม่มีใครเก่งตั้งแต่แรก พี่ก็ไม่ได้เก่งตั้งแต่แรก ล้มลุกคลุกคลานมาก่อนเหมือนกัน แต่ถ้าเราไม่พยายามเราก้ทำได้แค่คลนาไปคลานมา เราต้องลุกขึ้นมาให้ได้ก่อนแล้วค่อยฝึกเดิน ฝึกวิ่ง ฝึกบินต่อไป สู้ๆ นะจ๊ะทุกคน (คมปะล่ะ? 555 เขินจัง)




***************************************




6. เขียนยังไงให้จบ
ANS: อันนี้ก็ตอบยากมาก แต่พี่เข้าใจนะว่าทำไมถึงถาม เขียนนิยายแรกๆ พี่ก็มีเรื่องที่เขียนไม่จบเหมือนกัน เพราะไม่รู้จะไปต่อยังไง ตัน มึน นึกไม่ออก บอกไม่ถูก ก็เลยค้างไว้เท่านั้น อยากจะบอกว่าเป็นเรื่องธรรมดาจ้ะ เขียนบ่อยๆ อ่านเยอะๆ ลองผิดลองถูก หาแนวของตัวเองไปเรื่อยๆ สักวันหนึ่งเราก็จะเจอแนวที่เหมาะกับตัวเอง แล้วก็เจอเทคนิคที่ใช้ได้ผลกับเรา แล้วสุดท้ายก็จะเขียนจบไปตามธรรมชาติค่ะ ^^



***************************************



เคล็ดลับอื่นๆ (เพิ่มเติม)

1. เพลงเป็นสิ่งสำคัญในการช่วยบิ๊วอารมณ์เขียนนิยาย แนะนำให้หาเพลงที่ใกล้เคียงหรือเข้ากับอารมณ์ของเรื่องในขณะนั้นมาฟัง จะทำให้เขียนได้อินและไหลลื่นมากขึ้น โดยเฉพาะฉากเลิฟซีน เอ้ย ซีนดราม่าซีนอารมณ์ทั้งหลายแหล่

2. สวมบทเป็นตัวละครในเรื่องซะ คิดว่าถ้าเป็นเรา...ในสถานการณ์ต่างๆ เราจะทำยังไง จะตอบยังไง จะคิดยังไง

3. ถ้าคิดไม่ออกว่าจะทำยังไง ถ้าคาแรกเตอร์ตัวละครห่างไกลเรามากเกินไป แนะนำให้ถามคนใกล้ตัวจ้ะ ถามหลายๆ คนแล้วเอาคำตอบมาประมวลผล หาสิ่งที่ดีที่สุดและเมคเซนส์ที่สุด เช่น ในเรื่อง I Love Your Boyfriend ถ้าเมอร์เซเดส (นางเอก) ชอบมิคาเอล (พระเอก) ซึ่งเป็นผู้ชายที่มีแฟนแล้ว ในกรณีอย่างนี้แต่ละคนจะทำยังไง จะไปต่อหรือจะถอยกลับ สามารถถามคนอื่นๆ ได้ ขอบอกว่าอาจได้คำตอบดีๆ ที่คาดไม่ถึงด้วยนะ :) เพราะถ้าเราคิดเองคนเดียวอาจจะได้ไอเดียแค่มุมเดียวด้านเดียว แต่ถ้าถามหลายๆ คนก็จะได้ไอเดียในมุมอื่นๆ เอามาเสริมเรื่องเราให้สมจริงยิ่งขึ้นได้จ้ะ

4. ถ้าคิดไม่ออก ปิดคอมแล้วไปนอนเล่นซะ นอนฟังเพลง ดูหนัง เล่นกับแมว อ่านการ์ตูน ออกนอกบ้าน ขับรถเล่น เดินเล่น วิ่งเล่น อะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้หัวโล่งที่สุด กลับมาอีกทีจะคิดออกเลย :) จริงๆ นะ

5. เขียนไปได้สักพักสามารถลองให้คนอื่นอ่านได้ คนที่ไว้ใจได้นะ >_< จะได้ฟังฟีดแบ็คจากเค้าด้วย และถ้าฟีดแบ้คดี ก็จะเป็นการเพิ่มกำลังใจให้ตัวเองได้ด้วยนะ เวิร์คจริงๆ ลองดู~

6. หมั่นสังเกตคนรอบตัวบ่อยๆ หัดเป็นผู้ฟังให้มากกว่าผู้พูด เพราะนิยายส่วนใหญ่พี่ก็มักจะเอามาจากคนรอบข้างนี่แหละจ้ะ จับนุ่นนี่นั่นมาปะติดปะต่อ เก็บเล็กผสมน้อยให้กลายเป็นเรื่องราวขึ้นมา

7. เขียนเรื่องที่ตัวเองชอบ เขียนเมื่อมีฟีลลิ่ง เขียนเมื่อมีอารมณ์ร่วม อย่าสักแต่ว่าเขียนไปให้จบบท 

8. บทนึงกี่หน้าก็ได้ แล้วแต่สเกลของเรื่องในแต่ละแชปเตอร์

9. คนที่จะส่งผลงานเข้าประกวดหน้าใส ไม่จำเป็นต้องเขียนจนจบแล้ว แต่พี่แนะนำให้เขียนไปอย่างน้อยครึ่งเรื่องแล้วค่อยส่ง อ่านทวน รีไรท์ให้ชัวร์ก่อนแล้วค่อยส่ง เพราะเราจะได้มีเวลาคิดทบทวนหรือแก้ไขตามคำแนะนำของกรรมการในแต่ละสัปดาห์ค่ะ เพราะการเขียนเรื่องในเวลาที่จำกัดอาจจะทำให้พลาดดีเทลบางอย่างไปนะคะ ^^

10. แนวไหนก็ได้ จะดราม่า หวานแหวว หักมุม ซับซ้อน ฆาตกรรม สืบสวน ใสใส อะไรก็ตามแต่ ได้ทั้งหมด เพราะตัดสินกันที่ความสนุกจ้ะ ^^ 


----------------------------------


ตอนนี้พี่นึกคำถามออกแค่นี้ 55555+ ตอนแรกมีตั้งเยอะแยะแต่ลืม เอาเป็นว่าใครอยากถามอะไรก็ถามมาแล้วกันจ้ะ ถ้าตอบได้พี่จะตอบนะ ยกเว้นส่งพลอตมาให้พี่ดู อันนี้ผิดกติกา ไม่โอเคนะจ๊ะ อ้อ แล้วอย่าเข้าใจผิดว่าพี่มายกหางตัวเองเป็นกูรูหรือผู้รู้อะไร พี่ไม่ได้เก่งกว่าคนอื่นนะคะ แต่ก็พอมีประสบการณ์บ้างเลยอยากแบ่งปันให้น้องๆ เพราะตอนที่พี่เริ่มเขียนใหม่ๆ ไม่มีใครมาให้ถาม 555 แต่ก็รู้ว่าน้องๆ ที่หัดเขียนใหม่ๆ น่าจะอยากรู้เรื่องพวกนี้กัน เลยเอามาเล่าสู่กันฟังจ้ะ


เป็นกำลังใจให้ทุกคนเสมอ สู้ตายยยยยยยยยย อย่าลืมส่งงานเข้ามานักเขียนหน้าใสกันเยอะๆ น้า !!!
http://www.dek-d.com/jamsai/ คลิกลิ้งเพื่อดูรายละเอียดจ้า ^O^


ฝากผลงานเล่มใหม่ PASSIONATE FANGS II รักลวงร้ายแวมไพร์เจ้าเสน่ห์ ด้วยนะจ๊ะ วางแผงแล้ว >O< แล้วก็เรื่อง THE CRIMINALS Case I คู่รักอันตรายท้าทายหัวใจ วางแผงในงานนหนังสือกรกฏาที่จะถึงนี้จ้ะ ^^ 


เจ้าหญิงผู้เลอโฉม~ ฮิฮิฮิ

ว่าด้วยเรื่อง แรงบันดาลใจ ในการแต่งนิยาย by May112

เอาตัวละครมากจากไหน/เหตุการณ์/ฉาก
นี่อีกพาร์ทที่ผู้ที่ฝึกปรือมานานจะได้เปรียบน้องใหม่ค่ะ เข้าใจว่าบางทีอยากเขียนนิยาย แต่บางครั้งก็ไม่รู้จะเขียนอะไรดี จะเขียนอะไรก็มีคนเขียนไปแล้ว บลาๆๆ อะไรพรรค์นี้ งั้นในพาร์ทนี้ มาแบ่งวิธีการหาแรงบัลดาลใจของเมนะคะ ไม่รุ้ว่าคนอื่นจะใช้ได้ผลมั้ย เพราะแต่ละคนก็มีวิธีการที่แตกต่างกันไป แต่อันนี้ของเมนะ
 -เรื่องรอบตัว
สำคัญมาก เวลาเดินกลับบ้าน เวลาเดินผ่านร้านรวง อย่าคิดว่ามันก็เหมือนๆ เดิมไปทุกวัน เป็นนักเขียนทั้งที จินตนาการเข้าไปค่ะ ลองปรับมุมมองอยู่ อย่างเมเวลาขึ้นรถไฟฟ้า ชอบคิดว่า... ถ้ารถหยุดวิ่งแล้วทุกคนติดอยู่ในรถไฟฟ้าจะเป็นยังไงน้า มีใครหล่อบ้างหรือเปลา เอิ๊กๆๆ อะไรงี้ เริ่มจากเรื่องใกล้ตัวก่อนเลย ไม่ต้องมองหาอะไรไกลๆ ไปเรียนที่มหาลัย เจอใครหล่อ เจอใครสวยก็จับมาจิ้นเข้าไปสิ สนุกจะตาย 5555+
-ความอยาก WANT-NEED
อยากมีนั้น อยากมีนั่น  แต่ชีวิตนี้คงไม่มีทางได้ เก็บมาเป็นแรงขับเคลื่อนไปเลย (ยิ่งกว่าแรงบันดาลใจ) โลกความจริงมันเป็นไปไม่ได้ แต่ในโลกที่เราเป็นคนสร้างด้วยปลายปากกา ทำได้ทุกอย่างนะเฟ้ย!!
- อ่านหนังสือ
ได้ทั้งขึ้นทั้งล่อง ทั้งสนุกทั้งพัฒนาการเขียนไปด้วย เพราะเราจะรู้จักการใช้คำ ใช้กริยามาบรรยายเป็นสำนวนใหม่ๆ ของเราเอง อ่านมากก็พัฒนามากขึ้นค่ะ
- ดูหนัง
สุดๆ กันไปเลย ทั้งเพลิน ทั้งได้แรงบันดาลใจเว่อร์ ฉากที่อลังการทั้งหลายนั่นมันชวนให้เราคิดต่อยอด อาจจะจุดประกายอะไรบางอย่างขึ้นมาก็ได้ เราก็คิดให้มันฉีกออกมาในรูปแบบของเราเองได้นะเออ
- เล่นเกม
แนะนำเกมออนไลน์ มีอะไรน่าเหลือเชื่อเยอะ ไม่ได้เกิดขึ้นจริงบนโลก แต่เกมออนไลน์มันมักจะมีอะไรแปลกๆ มันให้เราอึ้งเยอะ
- ฟังเพลง
ถ้าให้ได้ผลที่สุดคืออ่านเนื้อเพลงไปด้วย สำคัญมากนะ อ่านเนื้อร้องเนี่ย โดยเฉพาะเพลงสากล ขอแนะนำให้เริ่มให้ฟังซะ แล้วก็จินตนาการเป็นฉากๆ ตามเพลงไปเลย
- เที่ยว 
 ได้อะไรจากการเที่ยวเยอะมากค่ะ ออกไปให้โลกใบใหม่ ออกไปเจอสังคมที่แตกต่าง มันคือที่สุดของที่สุดจริงๆ  อย่างน้อยการออกไปเที่ยว (ใน/นอกประเทศ) ทำให้เมมีวัตถุดิบในการเขียนมากขึ้น คือนิยายของเมสามารถอยู่ในโลเกชั้นอื่นๆ ที่ไม่ใช่ประเทศไทย และไม่ใช่แค่ในห้องเรียน ในกรุงเทพ บลๆๆ นอกจากเราจะสนุกที่ได้เขียน คนอ่านก็สนุกที่จะได้รู้อะไรใหม่ๆ ที่เราไปเจอมาด้วยนะ
ทั้งนี้แรงบันดาลใจมันคั้นด้วยเส้นบางๆ กับคำว่าลอก นะคะ
เพราะฉะนั้นอย่าให้แรงบันดาลใจนั้นมีอิทธิพลต่อเรามากเกินไป
อย่าลืมความเป็นตัวของตัวเองเชียวนะ

วันอังคารที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

7 step ก้าวส่การเป็นนักเขียน by May112


 1. เมื่อเริ่มอยากเขียน = เริ่มวางพล็อต
 2. ถ้าไม่วางพล็อตก่อนเขียน คือหลุดออกไป (ลอย) ทะเล เขียนไม่จบสักทีนั่นล่ะ
 3. เมื่อคุณวางพล็อตนิยาย ก็เปรียบเหมือนคุณอยู่ในเส้นทางสู่ความสำเร็จ พุ่งไปข้างหน้าเป็นเส้นตรงนั่นเลย! ส่วนเส้นประ ก็อย่างที่เห็น... ออกทะเล เที่ยวเล่น เขียน-ไม่-จบ
 4. เมื่อคุณมีวินัยในการเขียน คุณวางพล็อต = สำเร็จออกมาเป็นเล่มแล้วน้า 
    4.1 ข้อยกเว้นอย่างหนึ่งที่คุณไม่ต้องทำตามพล็อตเด๊ะๆ คือคุณมีไอเดียใหม่ที่ดีกว่า และ-ต้อง-คิด-ให้-จบ ก่อน-ค่อย-เขียน-นะ-จ้ะ! ที่สำคัญมากเลยคือ อันที่คิดใหม่ ต้อง-เชื่อม-กับ-ของ-เก่า!
 5. ไม่ว่าคุณจะผ่านการพิจารณาหรือไม่ หมั่นหัดอ่าน หาความรู้อยู่เสมอ ศึกษาวิธีการการเขียนของนักเขียนท่านอื่นๆ ดูวิธีการใช้คำ
 6. ออกไปหาแรงบรรดาลใจ อย่าอยู่แต่บนโลกแค่บๆ สังคมเดิมๆ อะไรก็เดิมๆ แล้วจะเอาอะไรมาแต่งละจ้า
 7. ขอตีเป็น 2 ประเด็นคือ
   7.1 เมื่อนิยายผ่าน ได้ตีออกมาเป็นรุปเล่ม ก่อนอื่นต้องขอแสดงความยินดีด้วยนะคะ อย่าคิดว่าเราแต่งสนุกสุด ให้เตรียมรับกระแสทางลบไว้บ้าง เราไม่สามารถแต่งนิยายออกมาได้ถูกใจทุกคนในโลกนี้ ใครชมก็เก็บไว้เป็นกำลังใจ ใครด่าก็ให้เก็บไว้เป็นบทเรียนแล้วก็เอาไปปรับปรุงพัฒนาผลงานตัวเองต่อไป
   7.2 นิยายไม่ผ่าน เสียใจที่สุด แต่เมื่อหายเสียใจแล้ว กลับไปที่วิธีที่ 5 ซะและจงอ่านมันเข้าไป! ศึกษามันเข้าไป เมื่อคิดว่าตัวเองเริ่มมีวิชากล้าแกร่งแล้ว เริ่มต้นที่วิธีที่ 1 อีกครั้ง